ประวัติศาสตร์คริสตจักรภาคที่13

ประวัติศาสตร์คริสตจักรภาคที่ 13 โดยสังเขป
เรียบเรียงโดย  ศาสนาจารย์สีแอ  สุทธิสาร
คริสเตียนในภาคอีสาน เกิดขึ้นจากการเข้ามาประกาศเผยแพร่พระกิตติคุณ โดยมิชชันนารี คณะซี.เอ็ม.เอ. ซึ่งมีชื่อเต็มว่า คณะคริสเตียน แอนด์ มิชชันนารี อะลายแอนซ์ ( The Christian and Missionary Alliance ( C&MA)  เมื่อปี ค.ศ.1928  โดยได้ออกประกาศพระกิตติคุณในพื้นที่ชนบทและได้ตั้งคริสตจักรขึ้นหลายแห่ง ต่อมาภายหลังจึงได้มุ่งเน้นการประกาศพระกิตติคุณเพื่อตั้งคริสตจักรขึ้นในตัวเมือง และได้ตั้งคริสตจักรสามัคคีไทยอุดรธานีขึ้นในปี ค.ศ.1951 โดยครอบครัว  ศาสนาจารย์จอห์น  เพอร์กิ้น   และในปีเดียวกันนี้คริสตจักรต่าง ๆ ในภาคอีสานได้รวมตัวกันก่อตั้งเป็นองค์การเรียกว่า  สภาคริสตจักรพระกิตติคุณแห่งประเทศไทย  ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเมือง  จังหวัดขอนแก่น
                                ในปี ค.ศ.1965 คริสตจักรสามัคคีไทย อุดรธานี ได้มีการติดต่อเสนอขอความช่วยเหลือจากสภาคริสตจักรในประเทศไทย ในการกระทำพันธกิจด้านต่าง ๆ และสภาคริสตจักรในประเทศไทย ได้มีมติมอบให้อาจารย์ศรัณย์ ชัยรัตน์ เป็นผู้ติดต่อและไปเยี่ยมเยียนเพื่อร่วมประชุมปรึกษาหารือให้คำแนะนำคริสตจักรสามัคคีไทยอุดรธานี ถึงขั้นตอนในการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสภาคริสตจักรในประเทศไทย
                                ปี ค.ศ. 1968  คริสตจักรสามัคคีไทยอุดรธานี  ได้ซื้อที่ดินและสร้างอาคารโบสถ์บริเวณใกล้กับวัดป่าโนนนิเวศน์  ซึ่งเป็นที่ตั้งอาคารโบสถ์หลังปัจจุบัน และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น คริสตจักรสามัคคีธรรมอุดรธานี
                                ปี ค.ศ. 1969  คริสตจักรสามัคคีธรรม อุดรธานี  ได้เป็นแกนนำจัดตั้งกลุ่มเพื่อพัฒนาคริสตจักร โดยมีความมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูจิตวิญญาณของคริสตจักรต่าง ๆ ที่อยู่ตามชนบท เพื่อหาทางรวม กลุ่มกันในการพัฒนาคริสตจักรของพระเจ้าให้เจริญขึ้น มีคริสตจักรและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุมกันจำนวน  29 แห่ง  ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง โดย ใช้ชื่อว่าคณะกรรมการเผยแพร่พระกิตติคุณ
                                ปี ค.ศ. 1970   คณะกรรมการเผยแพร่พระกิตติคุณ ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่ขึ้น เมื่อวันที่ 12 - 16 มีนาคม ค.ศ. 1970  มีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 225 คน จากคริสตจักร หน่วยต่าง ๆ รวม 25 แห่ง คือ 1) คริสตจักร สามัคคีธรรม อุดรธานี  2) คริสตจักรใหม่สนามม้า  3) คริสตจักรบ้านปะโค4) คริสตจักรบ้านดู่   5) คริสตจักรกุดยาง    6) คริสตจักรกุดนาค้อ    7) คริสตจักรบะยาว    8) คริสตจักรหนองบั่ว   9) คริสตจักรท่าลี่  10) หน่วยบ้านดุง  11) หน่วยบ้านหม้อ 12) หน่วยบ้านวังโตน  13) หน่วยคำล่อง  14) คริสตจักรสามัคคีธรรม ภูเขียว  15) คริสตจักรแก้งคร้อ  16) คริสตจักรนาเลา     17 ) คริสตจักรนาจาน  18) คริสตจักรหนองพอก  19) คริสตจักรหนองนาหาร  20) คริสตจักรบ้านยางชุม  21) หน่วยในเมืองสกลนคร  22) คริสตจักรโพนทอง  23) คริสตจักรอาญา   24) คริสตจักรโคราช   25) คริสตจักรดงบัง
                                ในการประชุมใหญ่ครั้งนี้ ได้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้น เรียกว่า คณะกรรมการภาค อุดรธานี ประกอบด้วยบุคคลต่าง ๆ ดังนี้.-
                                1. ผ.ป.สมกิจ        ไทยวัชรามาศ                       ประธาน
                                2. ผ.ป.ทองนาค   นาคดิลก                                รองประธาน
                                3. ศ.บ.ไมตรี        สิงห์คำป้อง                           เลขานุการ
                                4. อจ.นิตยา          ตั้งแสงอาทิตย์                      เหรัญญิก
                                5. อจ.ซุย               ป้อมแสนพล                        ผู้ประกาศทั่วไป
                                6. อจ.สม               สมบัติ                                   ผู้ประกาศทั่วไป
                                7. ศบ.สมัย            สิงห์คำป้อง                           คริสตจักรทวีพรปะโค
                                8. ศบ.ทองปาน    พรหมเมตตา                        คริสตจักรสามัคคีธรรม ภูเขียว
                                9. อจ.สังเวียน      โง่นคำ                                   พัฒนากรแผนกชูชีพชนบท
                                จุดประสงค์ของการประชุมครั้งนี้ เพื่อรับทราบความต้องการของคริสตจักรต่าง ๆ และความเป็นอยู่ของผู้นำในคริสตจักร และสรุปความต้องการที่จะเข้าไปร่วมพันธกิจกับสภาคริสตจักรในประเทศไทย ผลจากการประชุมครั้งนี้ได้มีมติของที่ประชุม 21 ข้อ ผู้เขียนขอนำมากล่าวถึงเป็นบางข้อคือ
                                1) ให้คริสตจักรและหน่วยต่างๆ ที่สังกัดอยู่กับภาคอุดรธานี เข้าร่วมในการประชุมกลุ่ม หรือการประชุมฟื้นฟูใจที่คริสตจักรทางสภาพระกิตติคุณฯ ได้จัดขึ้นดังที่เคยปฏิบัติมาได้
                                2) เมื่อคริสตจักรที่สังกัดอยู่กับภาคอุดรธานี ถ้ามีการประชุมอบรมหรือฟื้นใจ ให้เชิญคริสตจักรที่ไม่ได้สังกัดอยู่กับภาคอุดรธานีได้ ถ้าเห็นว่าความเชื่อเหมือนกัน ยกเว้น เพนเทคอส พยานพระเยโฮวาห์ และ อื่น ๆ
                             3) ให้คริสตจักรและหน่วยต่างๆ รายงานการทำพันธกิจมายังกรรมการภาคในวันที่ 30 ของทุกเดือน
                     4) ให้ผู้นำของคริสตจักรและหน่วยต่าง ๆ ได้สำรวจสมาชิกแล้วส่งมายังคณะกรรมการภาคเพื่อจะทราบจำนวนแน่นอน
                        5) ให้ทุกคริสตจักรได้ส่งเสริมลูกหลานไปเรียนพระคัมภีร์ เพื่อมาช่วยงานคริสตจักร ถ้าขาดแคลนทุนทรัพย์  ให้ส่งรายละเอียดมายังคณะกรรมการเพื่อจะได้รับพิจารณาช่วยเหลือ
                    6) ให้แต่งตั้งตัวแทนไปสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าร่วมกับ สภาคริสตจักรในประ เทศไทย   แล้วนำมาแถลงต่อคริสตจักรเพื่อพิจารณาต่อไป
                                ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1970 คณะกรรมการภาคอุดรธานี ได้เสนอเรื่องขอเป็นสมาชิกของสภาคริสตจักรในประเทศไทย  โดยศาสนาจารย์จรูญ  วิชัยดิษฐ์   ประธานสภาคริสตจักรในประเทศไทย  ได้ตอบสนองข้อเสนอโดยมอบให้ขึ้นสังกัดในคริสตจักรที่ 6 กรุงเทพ -พิษณุโลก
                                หลังจากนั้นต่อมา คณะธรรมกิจคริสตจักรภาคที่ 6 ได้มีมติรับ คริสตจักรสามัคคีธรรม อุดรธานี เข้าอยู่ในสังกัดเป็นคริสตจักรที่ 10  เมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.1971  และมีพิธีรับมอบในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ.1971  โดยมีอาจารย์โกศล  วัฒกีเจริญ   ประธานคริสตจักรภาคที่ 6  เป็นผู้รับมอบ และมอบให้คริสตสามัคคีธรรมอุดรธานี  ทำหน้าที่คริสตจักรแม่ดูแลเอาใจใส่คริสตจักรและหมวด คริสเตียนต่าง ๆ โดยมีผู้ปกครอง สมกิจ  ไทยวัชรามาศ   เป็นประธานหมวดคริสเตียนอุดรธานี
                                ปี ค.ศ.1974  สภาคริสตจักรในประเทศไทย ได้พิจารณารับข้อเสนอของคริสตจักรภาคที่ 6 ที่เสนอให้จัดตั้งหมวดคริสเตียนอุดรธานี เป็นคริสตจักรภาคที่ 13 ในการประชุมสมัชชาสภาคริสตจักรในประเทศไทย  สมัยสามัญครั้งที่ 13  เมื่อวันที่ 1 - 6 ธันวาคม ค.ศ.1974   ณ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และได้มีการประกอบพิธีแต่งตั้งหมวดคริสเตียนอุดรธานี  เป็นคริสตจักรภาคที่ 13 ขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ.1974   โดยมีศาสนาจารย์สมัย   สิงห์คำป้อง  เป็นประธานคริสตจักรภาคที่ 13  คนแรก และได้มีการสถาปนาศาสนาจารย์ประจำภาค  4  ท่าน คือ
                                1) ศาสนาจารย์สมัย                            สิงห์คำป้อง
                                2) ศาสนาจารย์ทองปาน                    พรหมเมตา
                                3) ศาสนาจารย์ไมตรี                          สิงห์คำป้อง
                                4) ศาสนาจารย์นิตยา                          ตั้งแสงอาทิตย์

                         และได้มีพิธีเปิดศูนย์ศึกษาคริสเตียนบริการภาคตะวันออก เฉียงเหนือ  ที่หมู่บ้านท่าตูม จังหวัดอุดรธานี โดยเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และผู้แทนจากคริสตจักรภาคต่าง ๆ   และเจ้าหน้าที่สภาคริสตจักรในประเทศไทยที่ให้เกียรติไปร่วมพิธี คือ
                         1) ศจ.วิเชียร         วัฒกีเจริญ              อดีตเลขาธิการสภาฯ
                                2) ศจ.นีระ            กำแหงส่อง           อดีตรองประธานสภาฯ
                         3) ศจ.ทองคำ        พันธุ์พงศ์              ประธานสภาคริสตจักรฯ
                                4) ดร.โกศล          ศรีสังข์                   เลขาธิการสภาคริสตจักรฯ

                                เมื่อหมวดคริสเตียนอุดรธานีได้รับการสถาปนาเป็นคริสตจักรภาคที่ 13 นั้นมีคริสตจักรจำนวน 11 แห่ง หมวดคริสเตียน 14 แห่ง มีสมาชิกสมบูรณ์ 376 คน ในขณะเดียวกันมีคริสตจักรหลายแห่งที่ขอถอนตัวกลับไปอยู่กับสภาคริสตจักรพระกิตติคุณแห่งประเทศไทย (ขอนแก่น) และมีคริสตจักรหลายแห่งล้มหายไปเนื่องจากไม่มีสมาชิกสืบทอดมรดกแห่งความเชื่อ มีคริสตจักรที่เจริญเติบโตสามารถตั้งคริสตจักรลูกหลายแห่ง และในขณะเดียวกันก็มีสมาชิกบางส่วนได้แยกตัวออกไปตั้งเป็นองค์กร หรือคริสตจักรอื่น ๆ ดังนี้คือ

                                ปี ค.ศ.1977 มีการแยกตัวออกไปโดยการนำของ ศาสนาจารย์จิม  ตัสกั๊ฟสัน เพื่อก่อตั้งศูนย์กลางการพัฒนาและเพิ่มพูนคริสตจักร    สังกัดสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย
                                ปี ค.ศ.1980  มีการแยกตัวออกไปโดยการนำของศาสนาจารย์อารีย์  สว่างอารมณ์ เพื่อบุกเบิกก่อตั้งคริสตจักรร่วมกับกลุ่มประกาศความเชื่อ ความหวัง ความรัก โดยได้รับการสนับสนุนจาก มร.กี้  อจ.แต้ และ มร.หลิว ต่อมาได้ตั้งเป็นคริสตจักรคริสเตียนสัมพันธ์อุดรธานี สังกัดคณะคริสเตียนสัมพันธ์แห่งประเทศไทย
                   ปี ค.ศ.1983 มีการแยกตัวออกไปโดยการนำของอาจารย์สุขุม  ศรีสังข์   เพื่อก่อตั้งคริสตจักรคณะอัครทูต  ในการแยกตัวออกไปในครั้งนี้ ได้สร้างปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคริสตจักรภาคที่ 13  มากพอสมควรเพราะได้มีการชักชวนผู้นำและสมาชิกคริสตจักรหลายแห่งให้แยกตัวออกไปด้วย เช่น  ที่คริสตจักรดำรงพัฒนาบะยาว ได้แยกออกไปบางส่วน และหมวดคริสเตียนบ้านนาเลา อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามได้แยกออกไปทั้งหมด จนกระทั่งในปี ค.ศ.2003 หมวดคริสเตียนบ้านนาเลาแห่งนี้จึง  ได้ขอกลับเข้ามาขึ้นสังกัดในคริสตจักรภาคที่ 13 อีกครั้งหนึ่ง  และในปี ค.ศ.2012 ได้ขอย้ายออกไปขึ้นสังกัดสหคริสตจักรแบ็บติสต์แห่งประเทศไทย
                                ปี ค.ศ. 1989 มีการแยกตัวออกไปโดยการนำของผู้ปกครองสมกิจ  ไทยวัชรามาศ และอาจารย์มุข  เมรุ เพื่อตั้งคริสตจักรร่วมกับคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ และภายหลังจากการแยกตัวออกไป ได้ก่อให้เกิดคริสตจักรใหม่ 2 แห่ง คือ แห่งแรกเป็นคริสตจักรความหวังอุดรธานี อยู่ในสังกัดคริสตจักรความหวังกรุงเทพฯ  และแห่งที่สองคือ คริสตจักรสัจธรรมอุดรธานี ในระยะแรกได้สังกัดอยู่ในคริสตจักรภาคที่  6      ต่อมาภายหลังจึงได้ย้ายไปขึ้นสังกัดสหคริสตจักรแบ็บติสต์แห่งประเทศไทย
                          ปี ค.ศ. 2003   มีการแยกตัวออกไป  3  กลุ่ม คือ
                                1. ศาสนาจารย์สำราญ   หมอกชัย  ได้แยกออกจากคริสตจักรสามัคคีธรรมอุดรธานี ไปเพื่อตั้งคริสตจักรเยนเนซาเรธ จังหวัดหนองคาย  สังกัดคริสตจักรภาคที่ 7  โดยได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากคริสตจักรพาร์คซิตี้ประเทศสหรัฐอเมริกา
                        2. ผู้ปกครองสุรินทร์ พัฒนศิระกิจ ได้แยกออกจากคริสตจักรศรีวิไลสามัคคีไปร่วมกับกลุ่มประกาศข่าวประเสริฐ สัทธิอ๊อคซูปาร์ค ประเทศเกาหลีใต้
                   3. หมวดคริสเตียนพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม  ได้สลายตนเองเพื่อไปเข้าร่วมกับคริสตจักรเมธอดิสท์ สาเหตุประการหนึ่งเพราะไม่ต้องการรับผิดชอบหนี้สินกองทุนอาชีพหมุนเวียน
                                ปี ค.ศ. 2006   มีคริสตจักร  2  แห่ง  ได้ขอลาออกไปเพื่อตั้งเป็นคริสตจักรอิสระคือ
1.  คริสตจักรมานาพร  อำเภอเอราวัณ  จังหวัดเลย    
2.  คริสตจักรเอราวัณ   อำเภอเอราวัณ  จังหวัดเลย

                           คริสตจักรภาคที่ 13  ได้จัดให้มีการฉลองครบรอบ 30 ปี หัวข้อ  จงขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี    1 เธสะโลนิกา 5.18   วันที่  27  เมษายน ค.ศ. 2005    ณ คริสตจักรสามัคคีธรรมอุดรธานี  และโรงเรียนอุดรคริสเตียนวิทยา ซึ่งมีคริสตจักรในสังกัดจำนวน  21  แห่ง  หมวดคริสเตียน  8 แห่ง  มีสมาชิกสมบูรณ์  1,344  คน   สมาชิกสำรอง  824  คน  รวมจำนวนสมาชิก   2,168  คน   
ปี ค.ศ. 2006   คริสตจักรภาคที่ 13  ได้เชิญศาสนาจารย์ ดร.จูน  ฮอง  โช   มิชชันนารีจากคริสตจักรเพรสไบทีเรียนประเทศเกาหลี ( Presbyterian  Church  of  Korea )  เพื่อเป็นผู้อำนวยการศูนย์อบรมผู้รับใช้พระเจ้าบ้านท่าตูม  จังหวัดอุดรธานี   โดยการสนับสนุนจากสภาคริสตจักรในประเทศไทย  และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ศูนย์สร้างสาวกเพื่อการประกาศและบุกเบิกคริสตจักร  สภาคริสตจักรในประเทศไทย  และสภาคริสตจักรเพรสไบทีเรียนในประเทศเกาหลีใต้  โดยจัดให้มีพิธีเปิดป้ายใหม่เมื่อวันที่  2  ธันวาคม ค.ศ.2006

ปี ค.ศ. 2014  คริสตจักรภาคที่ 13  มีวาระครบรอบ  40  ปี คณะธรรมกิจคริสตจักรภาคที่ 13 ได้กำหนดให้จัดงานเฉลิมฉลอง  40 ปี  40 พระพร เพื่อโมทนาพระคุณพระเจ้า และระลึกถึงวีระชนแห่งความเชื่อ ทั้งผู้ที่ได้ล่วงหลับไปและผู้ที่ยังชีวิตเป็นอยู่  ระหว่างวันที่ 5 - 6  ธันวาคม ค.ศ.2014      ณ คริสตจักรสามัคคีธรรมอุดรธานี โรงเรียนอุดรคริสเตียนวิทยา  และศูนย์สร้างสาวกเพื่อการประกาศและบุกเบิกคริสตจักร